Hifu

HIFU คืออะไร

HIFU หรือ High Intense Focus Ultrasound คือ การใช้คลื่นอัลตราซาวน์ความเข้มสูง ปล่อยพลังงานลงไปในผิวหนังชั้นลึก ในระดับที่เรียกว่า SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้เกิดการสลายไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากใต้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ใบหน้ายกกระชับ และดูอ่อนเยาว์

HIFU สามารถช่วยปัญหาใดได้บ้าง ?

• ยกกระชับผิว (Lifting) สาหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย อายุหลังจาก 25 ปี คอลลาเจนต่าง ๆ ที่น้อยลง อาจจะทำให้ผิวเราหย่อนคล้อยได้ ก็สามารถที่จะเลือก ทำ HIFU เพื่อหวังผลเรื่องการกระชับใบหน้าได้
• ยกคิ้ว สาหรับท่านที่มีปัญหาเรื่อง หนังตาตก หรือคิ้วตก จะบอกว่า HIFU ช่วยเรื่องนี้ได้ดีมาก แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบ และที่สาคัญเห็นผลเลยหลังทำ มันดีงามมาก
• ลดเหนียงใต้คางและคาง 2 ชั้น ปัญหากวนใจสาว ๆ หลาย ๆ คน ที่บางคนผอมก็จริง แต่กลับมีปัญหา หรือ ไขมันแก้ม หรือ เหนียงใต้คาง นั่นเอง อาจจะทำให้เราไม่มั่นใจและไม่พร้อมที่จะดูดไขมัน หรือไม่อยากพักฟื้นใด ๆ
• ลดริ้วรอยรอบดวงตา อย่างที่บอกไป HIFU เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวให้ทำงาน ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาที่เกิดจากวัยก็สามารถช่วยได้ และแลดูธรรมชาติ ไม่แข็ง
• รูปหน้าดู V-Shape มากขึ้น การปรับรูปหน้าวีเชฟ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่นิยมใช้ ไฮฟู ในการปรับรูปหน้าเพราะ สามารถยกกระชับ พร้อมลดไขมันที่ใบหน้าเราได้อย่างดี โดยไม่มีแผลใด ๆ
• รูขุมขนเล็กลง เรื่องรูขุมขนนั้น เรียกว่าเป็นผลพลอยได้ อีกหนึ่งอย่างจากการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวเราดูใส รูขุมขนก็เล็กลงตามไปด้วย
• ลดร่องริ้วรอยบริเวณใบหน้า เช่น หน้าผาก, ร่องแก้ม สาหรับใครที่อยากลดริ้วรอย ร่องแก้ม โดยยังไม่อยากฉีดฟิลเลอร์ หรือมีปัญหาริ้วรอยหน้าผากไม่อยากฉีด

ก็สามารถเลือก HIFU เพื่อช่วยลดร่องแก้ม ริ้วรอยหน้าผากได้ แต่ต้องบอกว่า มันอาจจะไม่ได้ช่วยได้ 100% อาจจะประมาณ 20-40% เท่านั้น เราอาจจะต้องดูแลในทำงอื่น ๆ เพิ่มเติมค่ะ

Hifu เหมาะกับใคร?

  1. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
  2. ผู้ที่มีริ้วรอยน้อยๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก
  3. ผู้ที่ต้องการกระชับผิวด้วยวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ฉีด
  4. ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้หน้าได้เลย ไม่มีแผล

ประโยชน์ของการทำ HIFU

  1. ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ให้ยกกระชับดีขึ้น
  2. ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น โดยสามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น ใบหน้า คิ้ว แก้ม ร่องแก้ม ร่องน้าหมาก เหนียงใต้คาง และรอย3.ย่นที่คอ เป็นต้น
  3. ช่วยให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น ใบหน้าเรียวลง
  4. ช่วยลดเหนียงใต้คางหรือลดคางสองชั้น
  5. ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆบนใบหน้าจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

Hifu กี่วันเห็นผล?

ทำไฮฟู่กี่วันเห็นผล? หลังทำ Hifu จะเห็นผลทันทีประมาณ 20% ชั้นผิวจะหดจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อนๆ เนื้อจะหด ผลการทำ Hifu Macrofocus จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน

Hifu อยู่ได้กี่เดือน?

ไฮฟู อยู่ได้นานแค่ไหน? โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือนและสามารถ มีระยะเวลาถึง 1 ปีขึ้นอยู่กับคนไข้สามารถทนเจ็บได้หรือไม่ รวมไปถึงการดูแลหลังทำ hifu ด้วยครับ

Hifu Laser สามารถทำคู่กับอะไรได้บ้าง

  1. Hifu + Botox ลดกราม : เหมาะสาหรับผู้ที่มีกรามและปัญหาหน้าไม่กระชับ หย่อนคล้อย
  2. Hifu + Botox lift : เหมาะสาหรับผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด อยากให้หน้า V เข้ารูปมากขึ้น
  3. Hifu + Meso Fat :เหมาะสาหรับผู้ที่มี ไขมันบริเวณแก้มและเหนียง ทำคู่กันจะเห็นผลดีมาก

ข้อดีของการทำ HIFU

เหมาะมาก สาหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากทำอะไรที่ต้องพักฟื้น หรือกลัวเข็ม ไม่อยากจิ้ม แต่ก็อยากสวยแบบธรรมชาติ นี่เป็นอีก 1 ทางเลือก ที่เรียกได้ว่า ทั้งปลอดภัยและไม่ต้องกังวลเรื่องเข็มอีก ต่อไป

ข้อเสียของการทำ HIFU

จริง ๆ จะบอกว่า ข้อเสียน้อยมาก อาจจะมีอาการแดง ๆ หลังทำบ้างในบางบุคคล และไฮฟูไม่ได้อยู่ถาวร อาจจะต้องทำซ้ำในทุก ๆ 6 เดือน ก็อาจจะเปลืองเงินสาวๆหน่อย

ขั้นตอนการรักษาด้วย HIFU มีอะไรบ้าง

  1. ล้างหน้าหรือเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะรักษาให้สะอาด
  2. ทำยาชาที่ผิวและทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที
  3. เช็ดทำความสะอาดยาชา
  4. ลงเจลเย็นที่ผิวบริเวณที่จะทำการรักษา
  5. เริ่มการทำ HIFU โดยจะเริ่มไล่ตั้งแต่ คอ เหนียงใต้คาง แก้ม รอบดวงตา และเหนือคิ้ว
  6. เช็ดเจลออกและทำความสะอาดผิวหนังให้เรียบร้อย
  7. ทำครีมบารุงและครีมกันแดด

วิธีการดูแลตัวเองก่อน-หลัง การทำ HIFU

ก่อนการทำ Hifu

  1. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
  2. งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3. ทำนอาหารให้ครบ 5 หมู่

การดูแลตัวเองหลังทำ HIFU

  1. ควรทำครีมบารุงผิวเป็นประจา เพื่อให้ผิวที่ขึ้นใหม่คงอยู่ได้นาน
  2. หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในเวลากลางวัน และทำครีมกันแดดเป็นประจาทุกวัน
  3. ไม่ควรนวดหรือถูใบหน้าแรงๆ
  4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังถูกทำลาย