Meso fat vs Botox ต่างกันอย่างไร
วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยกัน!Meso fat vs Botoxต่างกันอย่างไร ?
การแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้า หรือการปรับแต่งให้ดูดีสมส่วนมากขึ้นนั้น บางครั้งอาจต้องพึ่งเทคนิคมากกว่าหนึ่งเหมาะสม เช่นเดียวกันอย่าง แน่นอนว่าเราเองคงกําหนดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ในการเลือกวิธีที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการอยากมีใบหน้าที่เรียวเล็กได้รูป นวัตกรรมความงามที่มีหลายรูปแบบ ทําถามในใจว่าต้องทำอย่างไรบ้างจึงจะได้ตามที่คาดหวัง ส่วนใหญ่ที่นิยมคือ การฉีด Meso Fat และBotox แม้จะทําเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือปรับรูปหน้า แต่มีข้อจำกัดที่ไม่เหมือนกันวันนี้ Amitalia clinic จะพามาดูกันว่าสองเทคนิคนี้แตกต่างกันอย่างไร
มาทำความรู้จักกับ Meso Fat และ Botox กันซักนิด
MesoFat
คือการฉีดสารที่มีคุณสมบัติในการย่อยสลายไขมันส่วนเกินและเซลลูไลต์ จะทำการฉีดเข้าสู่ผิวหนังลึกเข้าไปในชั้นไขมัน สารเหล่านี้เป็นสารสกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง และวิตามินอีกหลายชนิด ทำหน้าที่ให้ไขมันที่จับตัวเป็นก้อนและตัวกลายเป็นไขมันเหลว ถูกขับออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ รวมทั้งยังสกีดกั้นการสะสมของไขมัน ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดและระบบต่อมน้ำเหลืองทำงานสะดวกมากขึ้น เนื้อเยี่อบริเวณรอบๆ จึงมีความแข็งแรงและกระชับขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างเนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ สามารถย่อยสลายออกจากร่างกายได้หลังการฉีดจะเห็นผลภายใน 2-4 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับไขมันที่สะสมอยู่บริเวณที่ฉีดว่ามีมากน้อยเพียงใด
Botox
คือชื่อทางการค้าของสาร Botulinum Toxin Type A เป็นโปรตีนสกัดได้จากแบคทีเรีย Clostridium botulinum ในแต่ละประเทศที่ใช้ก็จะมียี่ห้อต่างกัน เช่น อังกฤษก็จะใช้ชื่อ Dysport เกาหลีก็มีหลายยี่ห้อแต่ที่คุ้นกันในบ้านเราเช่น Neuronox Botulax หรือ Nabota ด้วยคุณสมบัติในการออกฤทธ์ที่ส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดนั้นมีการคลายตัว ลดการหดเกร็ง ผิวหนังด้านบนจึงดูเรียบขึ้น ช่วยลดเลือนริ้วรอยของใบหน้าชั่วคราว
นิยมทำเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น หางตาตก คิ้วตก ลดขนาดกล้ามเนื้อกรามในการปรับเปล่ียนรูปหน้าให้เรียวสวย
จะเริ่มเห็นผลหลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ สามารถอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
สรุปให้เข้าใจง่ายๆก็คือ Meso Fat เป็นการฉีดสลายไขมันส่วน Botox ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ลดริ้วรอย สำหรับการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวมาบางคนอาจใช้แค่วิธีเดียว หรือใช้ทั้งสองวิธีควบคู่กันไป ปริมาณสารที่ฉีดเข้าไปก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลเช่นกัน
ส่วนไหนบนใบหน้าที่มักพบปัญหา จะใช้วิธีใดแก้ไขได้อย่างตรงจุ
กระดูกช่วงกราม
ถ้ากระดูกกรามใหญ่ขนาดของใบหน้าก็จะดูใหญ่ไปด้วยนี่คือโครงหน้าที่มีมาตั้งแต่เกิดทั้งMeso Fat และ Botox ไม่ช่วยอะไร กรณีนี้ต้องปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งเท่านั้น
กล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคี้ยว
เป็นอีกส่วนที่ทําให้ใบหน้าดูใหญ่วิธีสังเกตคือลองกัดฟันให้แน่นแล้วเอามือสัมผัสดูส่วนที่นูนขึ้นมานั่นก็คือกล้ามเนื้อนี่เองและการปรับแต่งรอบๆกรอบหน้าให้ดูเข้ารูปซึ่งBotox จัดการกับเรื่องนี้ได้
แก้ม
ใบหน้าที่ดูอวบอิ่มไม่ว่าจะเป็นตามธรรมชาติหรือทานเยอะเกินไปหน่อยตรงส่วนนี้คือบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่ช่วงวัยเด็กแก้มป่องๆก็ดูน่ารักดีแต่เมื่ออายุมากขึ้น ทุกอย่างเริ่มหย่อนคล้อยไปตามแรงโน้มถ่วงโลก แก้มใหญ่ย้อยจึงเป็นปัญหาหนักใจของใครหลายคนรวมไปถึงไขมันใต้คางหรือที่เรียกว่าเหนียงนั้นเองกรณีเช่นนี้Meso Fat สามารถช่วยได้
ทั้งสองวิธีนี้เหมาะกับกลุ่มช่วงอายุน้อยกว่า 30ปี ไปจนถึงมากกว่า 40ปีสําหรับคนที่อายุน้อยถ้าไขมันสะสมไม่เยอะ อาจไม่จําเป็นต้องทําการสลายไขมันก็ได้ นอกจากนี้ยังนิยมฉีดบริเวณอื่นอีกด้วยเช่น น่อง สามารถฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณน่องให้ดูฟีบลงขาจึงดูเรียวยาว ฉีดเมโสแฟตเป็นการลดสัดส่วนเฉพาะจุด แต่อาจต้องทําร่วมกับวิธีอื่นๆ รวมถึงต้องควบคุมอาหารและออกกําลังกาย เพื่อขจัดไขมันเก่าและลดโอกาสการสะสมของไขมันใหม่
การสรรหาสุดยอดเทคนิคในการดูแลตนเองให้ดูดีอย่างสมํ่าเสมอถือเป็นเรื่องดี แต่อย่าลืมคํานึงถึงความปลอดภัยของสารที่ใช้ฉีดต้องเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาซึ่งแน่นอนว่าที่ Amitalia clinic เรามีทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์และตัวยาผ่านการรับรองจาก อย.
เห็นมั้ยหล่ะคะว่าการทําความเข้าใจถึงข้อแตกต่างของmeso fat vs botoxนั้นไม่ได้ยากเลย ทีนี้ ทุกคนก็คงจะตัดสินใจกันได้แล้วใช่มั้ยหล่ะคะว่า ใบหน้าของเรา เหมาะกับการทําหัตถการแบบไหน จะ Botox หรือ Meso Fat
หากใครมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติม สามารถมาที่ Amitalia clinic ได้เลยคุณหมอของเรายินดีให้คําปรึกษาและแนะนํา รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน