โดย admin | ก.ค. 15, 2021 | Laser, สาระน่ารู้
IPL (Intense Pulse Light) คือแสงที่มีช่วงคลื่นที่กว้างกว่าเลเซอร์โดยความยาวคลื่นเริ่มตั้งแต่ 420 nm ถึง 1200 nm จึงใช้รักษาปัญหาของผิวครอบคลุมได้หลายอย่าง ในการทำครั้งเดียว เพราะปัญหาผิวทั้งหลายบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องริ้วรอย รูขุมขนกว้าง สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงต่าง ๆ ต้องใช้ความยาวคลื่นไม่เท่ากัน แต่สามารถรักษาได้ในช่วงคลื่นของแสง IPL
IPL แต่ละช่วงคลื่นมีความแตกต่างกัน เหมาะกับกับรักษาอะไรบ้าง ?
1. สิว ผิวแพ้ง่าย พลังงานแสงจากเครื่อง IPL จะลงลึกเข้าไปทำลายเชื้อสิวที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes หรือ P. Acnes เมื่อลำแสงไอพีแอล ในช่วงคลื่น 420 – 1200 นาโนเมตร ลงไปถึงสามารถทำลายสารเป้าหมายที่แบคทีเรียสร้างขึ้น ได้แก่ endogenous porphyrin ทำให้ลดการอักเสบของสิว และลดการเกิดสิว
2. ฝ้า – กระ ลำแสงคลื่น IPL จะไวต่อสีผิวเข้มจึงดูดซึมแสงได้ดี ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่มีผิวคล้ำมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการ burn ผิวได้ และนั่นเองคือหลักการที่ใช้ทำลายเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ในชั้นผิว ทำให้เมลานินสลายไป ฝ้า กระลดลง ผิวค่อย ๆ กลับมากระจ่างใสได้อีกครั้ง
3.ริ้วรอย รูขุมขน พลังงานแสงจากเครื่อง IPL ลงลึกไปยังชั้นผิวใต้ผิวหนังกำพร้า ทำให้เซลล์ที่ได้รับพลังงานแสงในช่วงคลื่น 560 – 1200 นาโนเมตรถูกทำลายไป ร่างกายจึงกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (collagen) ขึ้นมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป ส่งผลดีต่อผิวทำให้ผิวแน่นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และลดร่องริ้วรอย อีกทั้งหลุมสิวดูตื้นขึ้นได้อีก
4. รอยแดง รอยสิว ใช้หลักการ Selective Absorption ที่หมายถึงการเลือกดูดซึมของฮีโมโกลบิน พบได้ในรอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว และน้ำในเซลล์ ดูดซับแสง ทำให้รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิวดูจางลงไปเรื่อย ๆ
5.กำจัดขนถาวร ใช้หลักการ Selective Photothemolysis ของเมลานินในเส้นขนที่ทำการดูดซับแสงธรรมชาติ IPL เข้าไปแล้วลงไปทำลายเซลล์รากขน ทำให้เซลล์รากขนอ่อนแอลง ขนจึงหลุดร่วงไป และเมื่องอกขึ้นมาใหม่ ขนก็จะไม่แข็งแรง ขนค่อยๆ บางลง จนไม่สามารถงอกขึ้นมาได้อีก แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ประมาณ 18 – 24 เดือน เซลล์รากขนจะกลับมาแข็งแรงและงอกขนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นก็สามารถทำการยิงแสง ipl ได้อีกครั้ง
ราคาและความคุ้มค่าของการทำIPLและเลเซอร์
หากเปรียบเทียบด้านราคาระหว่างการทำ IPL และเลเซอร์ อัตราราคาของการรักษาต่อครั้งเลเซอร์จะมีราคาที่ถูกกว่า แต่อย่างไรก็ตามการรักษาทีละปัญหาตั้งใช้เวลาที่มากและยังต้องมีค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่อีกมาก เนื่องจากการรักษาปัญหาผิวเมื่อหายแล้วเราจะมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งควรที่จะเลือกการรักษาที่อ่อนโยนและสามารถที่จะคอยช่วยบำรุงผิวไปพร้อมๆกับการรักษา และที่สำคัญที่สุดก็คือ การรักษาด้วยเครื่อง IPL ครอบคลุมได้มากกว่าและช่วยประหยัดเวลาในการรักษา รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่ามาก
สรุป
“ การทำ IPL คือ การใช้ช่วงคลื่นแสงที่มีความกว้างมากกว่าการทำ Laser ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการรักษาที่มีความครอบคลุมมากกว่า และค่าพลังที่ได้จากการทำ IPL สามารถรักษาปัญหาผิวต่างๆได้ถึงชั้นผิว แต่อ่อนโยนต่อผิวมากกว่าการทำ Laser”
โดย admin | ก.ค. 15, 2021 | Hifu, สาระน่ารู้
HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง โดยส่งเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว คล้ายกับการเย็บที่เนื้อ กระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนหรือสร้างเนื้อเยื่อใหม่ใต้ผิวหนัง โดยคลื่นอัลตร้าซาวด์นี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผิวชั้นนอก และไม่ส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Hifu
Hifu ถือเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุด ในเรื่องของการยกกระชับผิว ทั้งบริเวณใบหน้า เหนียง คอ แม้แต่ต้นแขน และต้นขา เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีตั้งแต่ครั้งแรก ยิ่งสำหรับคนที่กลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด จึงเป็นตัวเลือกที่ดี มีความปลอดภัยสูงและการดูแลหลังทำ hifu ก็ไม่ยุ่งยากเหมือนกับการยกกระชับด้วยวิธีอื่นด้วย ซึ่งปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน อาจจะต้องให้แพทย์ช่วยประเมิน และแนะนำวิธีที่ดีที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
Hifu เห็นผลทันที จริงไหม?
หลังทำการรักษาด้วย Hifu เห็นผลทันที 10-20% ชั้นผิวจะหดตัวจากความร้อนที่ Focus ลงใต้ผิว หลักการคล้ายกับเนื้อที่เราวางลงบนกระทะร้อนๆ เนื้อจะหด แต่นวัตรกรรมการยกกระชับด้วยการทำ hifu นี้จะไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน หรือไหม้ โดยความร้อนที่ใช้ยิงลงชั้นใต้ผิว จะอยู่ที่ 60°C-70°C การทำการยกกระชับ ด้วยการทำ Hifu เห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ เวลาผ่านไป 1-2 เดือน และอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน และสามารถมีระยะเวลาคงอยู่ได้ถึง 1 ปี ขึ้นไป
ความรู้สึกขณะทำ Hifu เจ็บไหม ?
การทำ Hifu ที่ได้ประสิทธิภาพนั้น ขณะทำต้องมีความรู้สึกปวดๆตึงๆ บริเวณใต้ชั้นผิวแสดงถึงการยิงคลื่นเสียงเข้าถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ SMAS เพื่อความยกกระชับ และอาการหลังทำ hifu คือบวมเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ยุบบวมไปเอง
Hifu สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม ?
การยกกระชับใบหน้า ในแต่ละครั้งเราไม่จำเป็นต้องเลือกทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทำแค่ Hifu อย่างเดียว สามารถทำ Hifu ร่วมกับหัตถการอื่นๆได้ เช่น ฟิลเลอร์ ฉีดเมโสแฟต ฉีด/ร้อยไหม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและไวยิ่งขึ้น เช่นบางท่านที่มีร่องแก้มลึกมากๆ แพทย์ก็จะแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์หากต้องการผลลัพธ์ทันทีและชัดเจนค่า แต่ก็ขอแนะนำให้พบแพทย์เพื่อออกแบบการรักษาให้เหมาะกับปัญหาใบหน้าของแต่ละคน
“การรักษาด้วยวิธีการทำ hifu นั้น เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ที่มีปัญหาหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ กรอบหน้าไม่ชัดและมีเหนียง สามารถแก้ไขได้ด้วยการทำ Hifu และ Hifu ยังสามารถใช้ได้ทุกจุดบนร่างกาย ตั้งแต่ ใบหน้า ลำคอ รวมไปถึงเรือนร่างอีกด้วย”
โดย admin | ก.ค. 15, 2021 | Hifu, สาระน่ารู้
เชื่อว่าสาวๆทุกคนต้องพบกับปัญหาริ้วรอยกันทุกคน วัยสาวที่เคยสดใส ผิวที่เคยกระชับเต่งตึง กลับหย่อนคล้อยไปตามกาลเวลา แต่อย่าได้ท้อไปค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เขามีนวัตกรรมใหม่ๆมาเนรมิตหน้าของเราให้ยกกระชับ เรียวเล็กได้ทันใจเห็นผลได้กันไปเลยในครั้งแรกที่ทำ ซึ่งรู้จักกันในชื่อว่า “ HIFU ” นั่นเอง
ได้ยินคำว่า “HIFU” ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่ามันช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิว และปรับรูปหน้าของเราให้เรียวสวย เป็น V-Shape ได้ และ HIFU ก็ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้อีก ไม่ว่าจะยกมุมปาก หรือใครที่หางตาตก คิ้วตก มีริ้วรอย ผิวหน้าไม่ตึงกระชับ หรือผิวเริ่มหย่อนคล้อย HIFU ก็สามารถจัดการได้ รวมถึงกระตุ้น Collagen ใต้ชั้นผิว หรือกระชับรูขุมขน HIFU ก็จัดการปัญหาเหล่านี้ได้เช่นกัน แถม HIFU ก็ยังเหมาะมากกับใครที่อยากยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า แต่ว่ากลัวเข็ม กลัวการผ่าตัด ซึ่งการทำ HIFU นี่แหละคือวิธีที่เวิร์คที่สุด! สวยไว ไม่เจ็บตัว นาทีนี้ก็ต้อง HIFU แล้วแหละ
บริเวณที่สามารถทำ HIFU ได้ ก็คือบริเวณใบหน้า ซึ่งเราสามารถทำ HIFU ได้ทั่วใบหน้าไปจนถึงลำคอเลย แล้ว HIFU ก็ยังทำบริเวณร่างกายได้ด้วย ซึ่งจุดที่ทำ HIFU ได้ก็จะเป็นช่วง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก แล้วหลังจากที่เราทำ HIFU ไปแล้ว จะสังเกตเห็นได้เลยว่ามันช่วยให้ใบหน้าของเรายกกระชับขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดเจน และใบหน้าที่เคยหย่อนคล้อย หรือแม้แต่ผิวที่ไม่ตึงกระชับมันก็จะดีขึ้น อีกทั้งการทำ HIFU ยังทำให้หน้าของเราดูเด็กลงเพราะเกิดการกระตุ้น Collagen ระหว่างทำ HIFU ด้วย ซึ่งใครที่อยากให้เห็นผลลัพธ์แบบรวดเร็วทันใจและชัดเจน ในช่วงแรกของการทำ HIFU ก็อาจจะต้องทำซ้ำบ่อยหน่อย คราวนี้ไม่ว่าจะหันมุมไหน องศาไหน มุมก้มหรือว่ามุมเสย ก็สวยมั่นใจได้ เพราะตัวช่วยดีดีอย่าง HIFU นี่แหละ!
จริงๆ แล้วการที่จะทำ HIFU นั้น เราสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป นั่นก็หมายความว่า ไม่จำเป็นจะต้องรอให้อายุเพิ่มขึ้นหรือมากกว่านี้ ก็สามารถดูแลผิวได้แต่เนิ่นๆ เลย ซึ่งบางคนอาจจะคิดว่า อายุเท่านี้เอง..ยังไม่ต้องทำก็ได้ หรือรอให้อายุถึง 30 ปีก่อนแล้วค่อยไปทำ แต่…รู้หรือไม่? ว่าอายุ 25 ปีนี่แหละตัวดีเลย! ทั้งในเรื่องของผิวที่จะตามมาด้วยริ้วรอย ความหย่อนคล้อย รวมถึง Collagen ใต้ชั้นผิวก็จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้าเราปล่อยไว้ในอนาคตมันอาจจะแก้ไขได้ลำบาก พูดง่ายๆ คือ..เตรียมตัวก่อนย่อมได้เปรียบ และ HIFU นี่แหละ เป็นตัวช่วยที่ดีตัวหนึ่งเลยมาเช็ค
การดูแลหลังรักษา
• หลังรักษา 2-4 วัน ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดดที่มี SPF ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป
• หลังรักษาประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถใช้ Botulinum toxin สารเติมเต็ม ร้อยไหม หรือเลเซอร์ได้ตามปกติ (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของของแต่ละบุคคล)
• งดการสครับผิวหรือขัดถูใบหน้าแรงๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
หลังจากที่เรารักษาด้วย HIFU ผลลัพธ์ที่เราจะได้จากการทำ HIFU ก็คือ รู้สึกได้ว่าผิวหน้ายกกระชับขึ้น เนื่องจาก Collagen ใต้ชั้นผิวได้รับการฟื้นฟูจากการทำ HIFU, ใบหน้าเรียวได้รูป V-Shape, ผิวเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น เนื่องจากการทำ HIFU ไปช่วยกระตุ้นการทำงานของชั้นผิว, รูขุมขนกระชับขึ้นหลังจากทำ HIFU และการทำ HIFU หรือรักษาด้วย HIFU ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย
ต้องบอกเลยว่าการทำ HIFU เป็นตัวเลือกของการลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าที่ดีเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะเห็นผลได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนแล้ว เพื่อนๆ ยังไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกด้วย!
โดย admin | ก.ค. 15, 2021 | Laser, สาระน่ารู้
CO2 laser เป็นเลเซอร์ที่อยู่ในกลุ่มที่มีพลังงานสูง ซึ่งหลักการคือ กำจัดส่วนเกินที่ไม่ต้องการ รักษาโรคผิวหนัง โดยใช้เครื่องเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในด้านประสิทธิภาพของการรักษา และความปลอดภัย โดยพลังงานของเครื่องแสงอินฟราเรดที่ผลิตจากเครื่องเลเซอร์ จะถูกดูดซับโดยน้ำที่เป็นส่วนประกอบในชั้นผิวหนังกำพร้า และหนังแท้ ทำให้เกิดความร้อนสูงในตำแหน่งที่ต้องการรักษา ทำให้ส่วนเกินที่ไม่ต้องการหลุดลอกออกไป
Co2 Laser ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง ?
1.กระเนื้อ
2.ไฝนูน , ขี้แมลงวัน
3.ติ่งเนื้องอก
4.สิวอุดตันหัวปิด
4.สิวข้าวสาร
5.หูด
6.หลุมสิว
ขั้นตอนการรักษาด้วย Co2 Laser ?
กรณีจี้ไฝ กระ ติ่งเนื้อ จะต้องทายาชา ทิ้งไว้ 30-45 นาที หรือ ฉีดยาชาบริเวณที่ต้องทำการรักษา ในกรณีที่จุดที่ต้องการทำการรักษามีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะยิงเลเซอร์หลังทำการรักษาแพทย์จะทำความสะอาดแผล ทายาฆ่าเชื้อ แปะแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และจะนัดดูแผลอีกทีภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยทั่วไปแผลที่เกิดจาก Co2 Laser ปากแผลจะเรียบและมีขนาดเล็กมาก ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เกิดแผลเป็น ในกรณีรักษาสิวจะมีจุดแดงๆ ใช้เวลาอย่างน้อย 4-7 วัน รอยแดงจะหายสนิท
ส่วนการใช้ Co2 Laser เพื่อลอกผิวเเก้ไขปัญหาริ้วรอย หลุมสิว หลังทำผิวจะเรียบเนียน นุ่ม และใสขึ้น รอยดำจางลง รอยแดงลดลง รูขุมขนกระชับ แผลเป็นหลุมสิวตื้นขึ้น ริ้วรอยจางลง รักษาเพียง 1-2 ครั้ง เเต่ผลการรักษาอยู่ได้นานกว่า 1 ปี
ก่อนทำ Co2 Laser เตรียมตัวอย่างไร ?
- กรณีจี้ไฝ หรือติ่งเนื้อขนาดใหญ่ ควรหยุดยา และ วิตามินที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้า 5-7 วัน
- หากมีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยาต่างๆ โดยเฉพาะยาชา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการทำเลเซอร์
ดูแลตัวอย่างอย่างไร หลังทำ Co2 Laser ?
- หลีกเลี่ยงแผลโดนน้ำภายใน 24 ชั่วโมง
- ควรทำความสะอาดแผลด้วย น้ำเกลือ และซับแผลให้แห้ง
- ทายาบริเวณที่เป็นแผล ตามที่แพทย์แนะนำ
- หลีกเลี่ยงแดดประมาณ 1 เดือน
- เลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หรือสารเคมีใดๆ บนแผลเลเซอร์ 1-2 อาทิตย์
โดย admin | มิ.ย. 28, 2021 | โปรโมชั่น
#มาเด้คอลลาเจน ฉีด 16 จุดทั่วหน้า ช่วยขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว ลดผิวอักเสบ ลดผื่นแพ้ ลดสิว และช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น
.
#มาเด้คอลลาเจน (MADE Collagen)
อาหารผิวหลายชนิด ช่วยให้ผิวฟื้นฟูจากสารพิษได้
ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพ ของคอลลาเจนในชั้นผิว
มีสุขภาพผิวดีขึ้น ผิวแข็งแรง ลดสิวอักเสบ และอาการผื่นแพ้ ได้ดีอีกด้วย